เหมือนทั้ง 2 ทีมเอาเกมสุดสะเด่าที่มอนต์จูอิคเมื่อสัปดาห์ก่อนมาตั้งไว้ แล้วละเลงลุยกันต่อเลย
เกม 3-3 ที่แฟนบอลยังลืมไม่ลงวันนั้นนั่นแหละ เหมือนมันเริ่มนับต่อทันทีตั้งแต่นาทีแรกของเกมนี้ ไม่ได้เริ่มจากนาทีที่ 0 แต่เป็นนาทีที่ 91 เชื่อมต่อจากเกมแรกอย่างแนบเนียน ความเข้มข้นมันอยู่ในระดับนั้นจริง ๆ
ลุ้นเดือดโควตา UCL! หั่นยับเชลซีจบท็อป 5 หลังทุบลิเวอร์พูล
เมอร์สัน มั่นใจ! อาร์เซน่อลล้มเปแอสเช ลุ้นคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลบอล บาร์เซโลน่า 1-0 มายอร์ก้า (22 เม.ย.) : โอกาสยิง 40 ครั้ง! บาร์ซ่าเฉือนนำฝูงทิ้งเรอัลมาดริด 7 แต้ม
ความเมามันเหมือนเดิม ความดุเดือดเหมือนเดิม ตื่นเต้นลุ้นทุกนาทีเหมือนเดิม ประตูหลั่งไหลเหมือนเดิม
และ.. ดราม่าเต็มขีดเหมือนเดิม
นัดที่แล้ว อินเตอร์นำ 2-0 โดนไล่ตีเสมอ 2-2 ก่อนจบครึ่งแรก กลับมาเล่นในครึ่งหลังยิงนำอีกครั้ง 3-2 ก็ยังถูกบาร์ซ่าไล่ตีเจ๊าอีกหนเป็น 3-3
หกวันให้หลัง.. อินเตอร์นำ 2-0 อีกครั้ง และคราวนี้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ไม่ใช่โดนไล่ตีเสมอเหมือนครั้งก่อน
แต่จะช้าจะเร็ว บาร์ซ่าก็ยังเป็นบาร์ซ่า เกมรุกสุดอันตรายทำร้ายคู่แข่งได้ทุกเวลา ทีมอาซุลกราน่าไม่เพียงเร่งเครื่องไล่กวดมาทันอีกครั้ง แต่คราวนี้ยังแรงกว่าเดิมด้วยการยิงแซงเป็น 3-2 ชนิดช็อกกองเชียร์เนรัซซูรี่ทั้งสนาม
ประตูขึ้นนำของบาร์เซโลน่า.. ราฟินญ่า นาทีที่ 87 กดด้วยซ้ายยังเซฟได้ใช่ไหม ซ้ำด้วยขวาข้างไม่ถนัดก็ได้
ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์เหนือกว่าเลยนับตั้งแต่นาทีแรกของเกมแรกไปจนถึงเวลานั้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้น บาร์ซ่าก็ทำท่าจะกรีดแผลแสบสันต์ให้อินเตอร์ มาทีหลังแต่ปาดหน้าเข้าป้ายไปเลย ไม่มีเวลาให้ทีมงูใหญ่ได้แก้ตัว
จากนรกที่ภารกิจหนักกว่าเกมแรกหลายเท่าเพราะจบครึ่งแรกตาม 2 ประตู บาร์ซ่าพลิกมันเหมือนเทกระจาด ยิ่งคลาสสิกสุด ๆ ตรงที่รัวแซงอินเตอร์ต่อหน้าแฟนบอลในสังเวียนแข้งที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง
ส่วนอินเตอร์ทำทุกอย่างที่ควรจะทำแล้ว เล่นดีมีสมาธิ วางแผนรับมือละเอียดละออ และเล่นงานเกมรับที่ดันสูงของทีมเยือนแบบเน้น ๆ กระนั้นก็ยังไม่รอดพิษสงเกมบุกจัด ๆ ของยักษ์ใหญ่จากกาตาลัน
นั่นคือ ทวิสต์ (Twist) หรือจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในเกมนี้..
หลายครั้งหลายเกมมันจะเป็นจุดหักเหสุดท้าย เป็นไคลแมกซ์ที่ความตื่นเต้นพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด ก่อนที่ทุกอย่างจะได้บทสรุป นำไปสู่ฉากจบที่สมบูรณ์และสวยงาม
โดนนำ 0-2 รัวแซงชนะ 3-2 ก่อนหมดเวลา 3 นาทีที่ จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ตีตั๋วเข้าชิงไปล่าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4
เพียงเท่านี้ก็ดราม่าเพียงพอแล้ว บทที่เขียนอยู่ในระดับชิงรางวัลได้แล้ว
แต่เหมือนคนเขียนบทยังมีพลังเต็มเปี่ยม สร้างสรรค์พล็อตใหม่ได้เรื่อย ๆ ไม่ยอมให้จบง่าย ๆ
มันยังมี Twist เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3-4 ครั้งนับจากประตูของราฟีนญ่า
บาร์เซโลน่าไม่ดึงเกม เข้าสู่ช่วงทดเวลาแล้ว พวกเขาไม่พาบอลไปมุมธง แต่ลุยต่อ
ลามีน ยามาล กับการตัดสินใจลากตัดเข้าในแล้วสับไกยิงในช่วงทดเวลา 90+2
มันคือการตัดสินใจที่ห้าวหาญตามแบบฉบับดีเอ็นเอของบาร์ซ่า.. ถ้าเข้า ก็จบเลย ปาร์ตี้เริ่มได้ แต่ถ้าไม่เข้า เอ็งก็ได้บุกข้าคืน แฟร์ ๆ แลกกัน
ท่ามกลางสายตาละห้อยหมดหวังของนักเตะอินเตอร์ บอลจากเท้าของยามาลลูกนั้นกลับพุ่งไปจูบโคนเสาเต็ม ๆ
จาก 3-2 จึงยังไม่เปลี่ยนเป็น 4-2 ลมหายใจของอินเตอร์ยังเหลืออยู่แม้จะรวยริน แต่กำลังใจกลับฮึกเหิมขึ้นมาอีกเฮือก
ที่ตลกร้ายก็คือ ในทันทีทันใดเพียงแค่นาทีถัดมา จาก 3-2 ที่เกือบจะเป็น 4-2 บาร์เซโลน่าถูกลงโทษด้วยประตู 3-3 จากนักเตะที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุดในสนาม
ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ – เซนเตอร์แบ๊ก – 37 ปี – จังหวะโอเพ่นเพลย์ไม่ใช่ลูกนิ่งฟรีคิกหรือเตะมุม – และการตวัดยิงราวกับกองหน้าอาชีพ
มันคือ Twist อีก 2 ทีติด ซ้ายที ขวาที บิดกระชากเราให้เซคะมำหัวทิ่มหัวตำ เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาที่เพิ่งจะหมุนควงสว่านมาปุ๊บก็หักดิ่งลงวูบทันที เสียงสาว ๆ กรี๊ดกันลั่น ผู้ชายก็เหมือนกัน
แต่ถ้าเราคิดว่าที่ลุ้นกันแทบลืมหายใจและ Twist หนัก ๆ แบบไม่บันยะบันยังจนหัวใจเราจะวายจะหมดลงแล้ว เราจะได้พักสักครู่แล้วไปว่ากันต่อในช่วงต่อเวลา นั่นคือความคิดที่ประมาทคู่ฟัดแห่งฤดูกาลคู่นี้เกินไป
นาที 90+6..
ในจังหวะที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้ว นักเตะทั้ง 2 ทีมคงจะระวังตัวไม่ประมาท ดึงเกมรอเสียงนกหวีดหมดเวลาเพื่อไปว่ากันใหม่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ราฟินญ่าก็จ่ายบอลคิลเลอร์พาสให้ ยามาล หลุดเข้าเขตโทษ
บาร์ซ่ากำลังจะสร้างดราม่าซ้อนดราม่าด้วยประตูนี้ จากการจ่ายบอลทีเดียวของราฟินญ่า
เพียงแต่ด้วยแข้งขาที่อ่อนล้าจากการวิ่งมาเกือบร้อยนาทีและการตามเบียดไม่ปล่อยของ คาร์ลอส อกุสโต้ ทำให้ ยามาล ทำได้ดีที่สุดในจังหวะนั้นแค่ดีดส่งบอลให้ตรงกรอบ น้ำหนักและทิศทางเป็นเรื่องรอง
Twist สุดท้ายของเวลาปกตินั้นจึงยังไม่ได้ตัดสินเกม อินเตอร์รอดตัวยังได้ยื้อต่อ บาร์ซ่าได้แต่เสียดายโอกาสทองที่อาจไม่มีมาอีก
นี่ล่ะความน่าตื่นเต้นของเกมนี้ ทุกวินาทีเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขันได้หมดเลย
ในช่วงต่อเวลาพิเศษเราไม่อาจคาดเดาอะไรได้อีกแล้วว่าเกมจะออกมาแบบไหนและใครจะเป็นผู้ชนะ แต่สุดท้ายเป็นอินเตอร์ที่ทำได้ดีกว่า
การกระชากถึงเส้นหลังของ มาร์กกุส ตูราม จังหวะแปะบอลคืนให้ของ เมห์ดี ทาเรมี และการดึงจังหวะยิงเน้น ๆ ของ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ ปั่นบอลเข้าเสาไกล
เป็น Twist บ้าบออีกครั้งของเกมนี้.. อินเตอร์พลิกกลับมานำ 4-3
กระทั่งวินาทีบีบหัวใจ ลามีน ยามาล เล่นลูกถนัดโยกตัดในแล้วปั่นไปเสาสอง ยานน์ ซอมเมอร์ งัดฟอร์มแมนออฟเดอะแมตช์บินปัดทิ้งฉิวเฉียด
ขยับตัวช้ากว่านั้นแค่นิดเดียวได้เก็บบอลจากก้นตาข่ายแทนแน่นอน การบินปัดลูกปั่นที่เป็นอาวุธเด็ดของยามาลได้ตลอดเกมนี้แสดงให้เห็นว่าซอมเมอร์เตรียมตัวมาดีแค่ไหน
เช่นเดียวกับการเล่นของเพื่อนร่วมทีมอินเตอร์ของเขา เยือกเย็น ตื่นตัว ระวังการบีบแย่งบอลของนักเตะบาร์ซ่า ไล่บีบแย่งบอลมาครอง เก็บบอลจังหวะสอง อ่านสถานการณ์ในแต่ละจังหวะ และมองหาช่องว่างโจมตีหลังแนวรับทีมเยือนที่เปิดหน้าบุก
อินเตอร์เตรียมตัวมาสุดจริง เพราะถ้าเตรียมมาไม่ดีพอก็คงรับมือทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ลำบาก
ผลการศึกจบลงด้วยชัยชนะ 7-6 ของอินเตอร์ ในเกมสองนัดที่ต้องยื้อกันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษและมีประตูเกิดขึ้นถึง 13 ลูก
ทีมงูใหญ่ตีตั๋วนัดชิงสู่มิวนิค ด้วยเสียงปรบมือกึกก้องซึ่งมีให้ทั้งพวกเขาและคู่เตะจากกาตาลันอย่างเต็มหัวใจจากแฟนบอลทั่วโลก
มีไม่บ่อยเลยนะครับที่เราจะได้เห็นเกม 2 นัดเหย้า/เยือนที่สูสีเข้มข้นทัดเทียมกันทุกรูปแบบ เต็มไปด้วยความระทึกใจและจุดพลิกผันดราม่าขนาดนี้.. ทั้ง 2 เกมเลยด้วย
ทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ บาร์เซโลน่า เพิ่งจะร่วมกันสร้างความรู้สึกอิ่มเอมเต็มขีดให้กับแฟนบอล เป็นคู่เตะที่เหมือนสวรรค์จงใจจับให้มาชนกันโดยเฉพาะ
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้ง 2 เกมที่ผ่านไปนั้น “สมราคา” กับการเป็นบิ๊กแมตช์ ทีมยักษ์ใหญ่ชนกันในรอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันต้องสนุกดุเดือดเลือดพล่านอย่างนี้
กับผู้แพ้.. ไม่มีอะไรต้องผิดหวัง เสียใจ หรือเสียดายเลยจริง ๆ ไม่มีใครตำหนิอะไรคุณได้เลย
กับผู้ชนะ.. มันคือรางวัลตอบแทนจากหยาดเหงื่อแรงกายที่ทุ่มเทเตรียมตัวมาอย่างดีที่สุด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้
และสำหรับกองเชียร์แล้ว ได้ดูเกมอะไรแบบนี้มันทั้งสะใจ และสุขใจ
เรารักฟุตบอลด้วยเกมแบบนี้.. ด้วยเกมแบบนี้จริง ๆ
ตังกุย
,