สนับสนุนโดย

นี่คือ “ยุคทอง” ของ ลิเวอร์พูล แล้วรึยัง?

Table of Contents

โดยมีการคาดการณ์ว่ารายได้ต่อปีของ ลิเวอร์พูล จะทะลุ 700 ล้านปอนด์เป็นครั้งแรก

การเติบโตด้านรายได้ของ ลิเวอร์พูล ในครั้งนี้ ทำให้พวกเขากลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งทั้งในและนอกสนาม 

เคนนี่ ดัลกลิช เร้าเจ้าของลิเวอร์พูล! หนุน อาร์เน่อ เสริมทัพล่าความสำเร็จซีซั่นหน้า
แมนซิตี้ เคาะวันอำลา เดอ บรอยน์! นัดเหย้าสุดท้ายพรีเมียร์ลีก 20 พ.ค.นี้
เอลเลียตต์ หวั่นโดนโละจากลิเวอร์พูล! เปิดใจอยากอยู่หงส์ต่อจนรีไทร์

เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยเป็นสโมสรที่มีอำนาจทางการเงินที่สุดเกือบตลอด 32 ฤดูกาลที่ผ่านมา

ถามว่า ลิเวอร์พูล จะได้เงินจากแชมป์ พรีเมียร์ลีก เท่าไหร่

การกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง นำมาซึ่งผลตอบแทนจาก พรีเมียร์ลีก ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร 

โดยวัดจากสถิติของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้แชมป์ในสองซีซั่นหลังสุด “เรือใบสีฟ้า” ได้เงินจาก พรีเมียร์ลีก ปีละ 176 ล้านปอนด์ ซึ่งคาดว่า ลิเวอร์พูล จะได้เงินรางวัลในระดับใกล้เคียงกัน

ทีมที่คว้าแชมป์จะได้รับ merit payments หรือค่าตอบแทนตามผลงานในลีก

กล่าวคือ เงินที่สโมสรจะได้รับตามอันดับที่จบในตารางคะแนน ยิ่งจบอันดับสูง ก็ยิ่งได้เงินมาก ยกตัวอย่าง ทีมแชมป์จะได้ Merit Payments สูงที่สุด ทีมอันดับรองลงมาก็จะได้น้อยลงตามลำดับ ส่วนทีมบ๊วยก็ยังได้รับเงินส่วนนี้อยู่ แต่ในระดับต่ำสุด

นอกจากนี้ยังจะได้รับ facility fees หรือค่าตอบแทนจากการถ่ายทอดสด ซึ่งตรงนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ได้รับสูงสุดจากการถ่ายทอดสดในสหราชอาณาจักรถึง 29 นัดเท่ากับ อาร์เซน่อล

ซึ่งเมื่อรวมรายได้ทั้งหมด ลิเวอร์พูล อาจได้เงินจาก พรีเมียร์ลีก สูงถึง 180 ล้านปอนด์หรือมากกว่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีรายได้อื่น ๆ นอกจากแชมป์ลีก คือการได้รายได้เพิ่มเติมจากสัญญาสปอนเซอร์

เช่น ไนกี้ ที่กำลังจะหมดสัญญาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะจ่ายโบนัส 2 ล้านปอนด์ให้ ลิเวอร์พูล จากการที่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ 

แม้เงิน 2 ล้านปอนด์เป็นจำนวนที่ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญาประมาณ 60 ล้านปอนด์ต่อปี แต่ก็ถือเป็นของขวัญอำลาส่งท้าย ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ อาดิดาส ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

พาร์ตเนอร์รายอื่น ๆ ก็มักจะมีโบนัสพิเศษตามผลงานเช่นกัน ส่งผลให้รายได้เชิงพาณิชย์สโมสร โตขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขอยู่ที่ 308 ล้านปอนด์ 

โดยหลังจากคว้าแชมป์ลีกหนก่อน รายได้เชิงพาณิชย์ก็เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกันปีต่อปี

การคว้าแชมป์ยังช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าของที่ระลึก ดึงดูดความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลก และยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ ลิเวอร์พูล

ขณะที่ทีมใหญ่ทีมอื่น ๆ อย่าง แมนยู และ เชลซี ฟอร์มตกลง แต่ ลิเวอร์พูล สร้างแรงดึงดูดให้เหล่าสปอนเซอร์วิ่งเข้าหาได้ต่อเนื่อง

ลิเวอร์พูล ยังมีสัญญาสปอนเซอร์เสื้อแข่งกับ Standard Chartered, สปอนเซอร์แขนเสื้อกับ Expedia และสิทธิ์ชื่อสนามซ้อมกับ AXA 

นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ เช่น UPS, Google, Peloton และ Japan Airlines ซึ่งช่วยให้รายได้เชิงพาณิชย์ในฤดูกาล 2023/24 ทะยานไปถึง 308 ล้านปอนด์ และจะยิ่งสูงขึ้นอีกในฤดูกาลนี้

“เราเพิ่งเริ่มเห็นการเติบโตครั้งใหญ่ของรายได้เชิงพาณิชย์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และผมคิดว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” เบน แลตตี้ ผู้อำนวยการฝ่ายการค้า ลิเวอร์พูล กล่าวกับ The Athletic เมื่อปีที่แล้ว

ถามว่า นี่คือ ปีทองของ ลิเวอร์พูล ใช่หรือไม่?

แน่นอนที่สุด และมันไม่ใช่แค่เรื่องของแชมป์ พรีเมียร์ลีก เท่านั้น แม้ทีมจะผิดหวังจากการตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่การมาถึงรอบนั้นได้ก็ยังช่วยสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ

การจบอันดับ 1 ของรอบลีกเฟซ ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้รับ เงินรางวัลประมาณ 85 ล้านปอนด์ แม้จะน้อยกว่าฤดูกาล 2021/22 ที่เข้าผ่านเข้ารอบชิงและได้รับ 102 ล้านปอนด์ แต่ก็ยังมากกว่าที่ได้จาก ยูโรป้า ลีก เมื่อปีก่อนอย่างมหาศาล (ยูโรปา ลีก ได้แค่ 23 ล้านปอนด์)

ส่วน รายได้ในวันแข่งขัน (Matchday Revenue) ก็ทำสถิติใหม่เช่นกัน ลิเวอร์พูล ได้เล่นในบ้านถึง 27 นัด ในฤดูกาลนี้  ซีซั่นนี้ แอนฟิลด์ สามารถเปิดรับแฟนบอล 60,000 คน ได้เต็มที่ทุกนัด ฤดูกาลที่แล้ว รายได้ในวันแข่งขันเคยทะลุ 100 ล้านปอนด์ และคาดว่าจะสูงขึ้นอีกในปีนี้

ลิเวอร์พูล ไม่ได้เข้าร่วมแข่งศึกสโมสรโลกของ ฟีฟ่า ใน สหรัฐอเมริกา ที่จะแข่งตอนช่วงซัมเมอร์ แต่ แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี เป็นสองทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมล ซึ่งหากคว้าแชมป์ พวกเขาอาจได้มากถึง 97 ล้านปอนด์

แล้วเมื่อเทียบกับ แมนยู กับคู่แข่งทีมอื่น ๆ ล่ะ เป็นยังไง?

ภาพรวม ลิเวอร์พูล กำลังแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องทั้งใน พรีเมียร์ลีก และ ยุโรป ฤดูกาลนี้จะเป็น ครั้งที่สองในยุค พรีเมียร์ลีก ที่รายได้ของ ลิเวอร์พูล สูงกว่า แมนยู (ครั้งแรกคือฤดูกาล 2021/22 ที่ปัจจัยหลักมาจากการเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก)

ช่องว่างของรายได้ระหว่างสองสโมสรจะยิ่งกว้างกว่าที่เคยเป็นมา โดยในฤดูกาล 2016/17 รายได้ของ แมนยู เคยมากกว่า ลิเวอร์พูล ถึง 200 ล้านปอนด์ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล กลับแซงขึ้นมาทิ้งห่าง

คริส วีเธอร์สปูน นักวิเคราะห์เรื่องการเงินฟุตบอล คาดการณ์ว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นสโมสรอังกฤษ ทีมที่สองต่อจาก แมนฯ ซิตี้ ที่สามารถทำรายได้ต่อปีเกิน 700 ล้านปอนด์

แม้ ซิตี้ จะยังได้เปรียบ ลิเวอร์พูล อยู่บ้าง โดยเฉพาะหากคว้าแชมป์สโมสรโลกได้ แต่ ลิเวอร์พูล ก็ลดช่องว่างได้มากแล้ว

จากอันดับที่ 8 ของ Deloitte Money League ในปีล่าสุด ซึ่งจัดอันดับสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก 

ลิเวอร์พูล มีโอกาสกระโดดขึ้นไปติด Top 5 ได้สบาย ๆ ด้วยผลงานบนสนามที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ทั้งที่เมื่อปี 2012/13 พวกเขาเคยอยู่อันดับ 12 ใกล้เคียงกับ ชาลเก้ จาก เยอรมนี

นี่คือ “ยุคทอง” ของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง ทั้งด้านฟุตบอลและการเงิน

HOSSALONSO

,

บริการ

tag:
กีฬาต่างประเทศ ข่าวกีฬา ตลาดนักเตะ ตารางบอล ตารางบอลวันนี้ ทีมชาติไทย นิวคาสเซิ่ล บอลวันนี้ บาร์เซโลน่า บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีกา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ปีศาจแดง ผลบอล ผลบอลเมื่อคืน ผีแดง พรีเมียร์ พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฟุตบอลต่างประเทศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูโรปา ลีก รูเบน อโมริม ลาลีกา ลาลีกา สเปน ลิเวอร์พูล วิเคราะห์บอล สเปอร์ส หงส์แดง อาร์เซน่อล อาร์เน่อ สล็อต เชลซี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปแอสเช เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เรอัล มาดริด เอฟเอ คัพ แมนซิตี้ แมนยู แมนยูไนเต็ด แมนฯ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โปรแกรมบอล โปรแกรมบอลวันนี้