อาร์เน่อ สล็อต เข้ามารับงานกุมบังเหียนแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ ช่วงซัมเมอร์นี้ และเป็นเรื่องยากมากที่จะสานต่อความสำเร็จที่ “บอส” ได้สร้างเอาไว้กับ “เดอะ เร้ดส์” ตลอดช่วง 8 ปีที่กุมบังเหียน
อย่างไรก็ตาม โค้ชอาร์เน่อ สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่สุดแสนตึงเครียดได้เป็นอย่างดี โดยพยายามปรับโน้นปรับนี่เท่าทีจำเป็นเพื่อให้เหมาะกับทีมของเขา แม้จะมีการเซ็นสัญญากับนักเตะแค่คนเดียวก็ตาม
อาร์เซน่อล มีลุ้นแค่ไหน? ซูเปอร์คอมพ์ชี้โอกาสปืนใหญ่เข้ารอบ-ซิวถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก
ส่อแววไม่เอา โยเคเรส! อโมริม ลั่นอยากได้แข้งที่มีใจเล่นให้ แมนยู
แอธ บิลเบา พบ แมนยู:อาหมัด-เดอ ลิกต์ สำรอง! คาดโผผีแดงเกมตัดเชือกยูโรปาลีกนัดแรก
การเข้ามาทำงานของ กุนซือชาวดัตช์ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายอย่าง แต่ไม่ถึง 1 ปี เขาสามารถนำ ลิเวอร์พูล เถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ ชนิดที่หลายคนคาดไม่ถึง
นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยที่ 20
1. บุกถลุงที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
หลังจากเปิดฤดูกาลได้แค่ 2 เกมเท่านั้น ลิเวอร์พูล ต้องยกพลไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าพวกเขาจะจัดการคู่อริตลอดกาลได้ซะทีหลัง “หงส์แดง” ไม่มี คล็อปป์ กุมบังเหียน
ก่อนเกมนี้แฟนผีโปรเจกต์ทั่วโลกมั่นอกมั่นใจว่าจะเป็นช่วงเวลาของพวกเขาซะที เพราะ โค้ชอาร์เน่อ ไม่น่าจะสู้กึ๋นของ เอริค เทน ฮาก ได้ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร ต้องขอบคุณแท็กติกชั้นยอดของนายใหญ่ชาวดัตช์ กับประตูของ หลุยส์ ดิอาซ (2 ลูก) กับ โม ซาลาห์
จบแมตช์ดังกล่าวหลายคนเริ่มมองว่า อาร์เน่อ ไม่ใช่โค้ชธรรมดา ขณะที่สาวก “เร้ด อาร์มี่” ต้องหมอบพับเพียบกลายเป็นเด็กเรียบร้อย และก้มหน้าก้มตากระเสือกกระสนสร้างผลงานเพื่อยกระดับทีมต่อไป
2. ตาสว่างหลังหลงป่า
โค้ชอาร์เน่อ ต้องพบกับความผิดหวังอย่างมากหลังแพ้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งคุมทีมในแอนฟิลด์อย่างเป็นทางการแค่ 2 เกม และแน่นอนว่าเจ้าตัวโดนวิจารณ์อย่างหนักตลอดหลายสัปดาห์ต่อจากนั้น
กุนซือหัวใสยอมรับว่าความพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าวบางทีมันไม่ใช่ผลการแข่งขันที่น่าตกใจอย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรก เพราะอย่างลืมว่า ฟอเรสต์ เป็นทีมที่มีลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สำคัญนี่เป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับตนตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น
หลังจากพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ก็ไม่แพ้ใครอีกเลยตลอด 26 แมตช์หลังจากนั้น แน่นอนว่าการโดน ฟอเรสต์ บุกอัดคาบ้าน ทำให้ อาร์เน่อ ตาสว่างว่าเกมพรีเมียร์ลีกไม่ง่าย และทุกทีมพร้อมเอาชนะทีมใหญ่ได้เสมอ
3. โกลมือ 3 ช่วยเซฟชัยที่ พาเลซ
ดีโอโก้ โชต้า ยิงประตูสำคัญทำให้ ลิเวอร์พูล บุกชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าประตูชัยที่นำทัพ “หงส์แดง” คว้าสามคะแนนสำคัญในแมตช์นี้
เกมนั้น อลีสซง เบ็คเกอร์ ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา ขณะที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ มีอาการป่วย นั่นทำให้ วิเตซสลาฟ ยารอส นายทวารมือ 3 ต้องลงสนามเปิดตัว
ผลงานของ ยารอส ส่วนสำคัญอย่างมาก เมื่อโชว์ 1 เซฟสำคัญ, แย่งบอลคืนได้ 3 ครั้ง และเกือบทำแอสซิสต์ด้วย แน่นอนว่าการเก็บคลีนชีตที่เซลเฮิร์ตส์ พาร์ค มีส่วนสำคัญในการเก็บชัยชนะ
ที่สำคัญ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่ามีขุมกำลังเชิงลึกที่โดดเด่นจริงๆ
4. ฟอร์มไม่ดีแต่ได้แต้มที่อาร์เซน่อล
ลิเวอร์พูล สามารถไล่ตีเสมอ อาร์เซน่อล ได้สองครั้งสองคราในเกมเยือนถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และนั่นทำให้ทัพ “ปืนใหญ่” พลาดโอกาสปราบพวกเขาในช่วงท้ายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แน่นอนว่าเกมดังกล่าวมันไม่ใช่ฟอร์มที่โดดเด่นของ “หงส์แดง” แต่การที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์คุณต้องได้ผลการแข่งขันที่ดีในวันแย่ๆ บางทีมันอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ก็ทำให้รักษาระยะห่างจาก “เดอะ กันเนอร์ส”
แม้ว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล ยังอยู่ห่างไกลในการลุ้นแชมป์ แต่ผลการแข่งขันในแมตช์นั้นทำให้ อาร์เซน่อล ไม่สามารถขยับเข้ามาคุกคามในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ “หงส์แดง”
5. สองประตูใน 3 นาทีคัมแบ็กชนะ ไบรท์ตัน
นี่เป็นผลการแข่งขันที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาต้องตกเป็นรอง ไบรท์ตัน ตั้งแต่ต้นเกม และ “หงส์แดง” พยายามที่จะยิงประตูให้ได้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จ
จนกระทั่งในนาทีที่ 70 และ 73 พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์ด้วยการยิงสองประตู โดยเป็นผลงานของ โกดี้ คักโป กับ โม ซาลาห์ ซึ่งนั่นเป็นการคว้า 3 คะแนนสำคัญในขณะที่ อาร์เซน่อล และ แมนซิตี้ พ่ายแพ้
ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ลิเวอร์พูล สามารถยึดจ่าฝูง และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ลูกทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต ไม่เคยหลุดจากตำแหน่งอันดับ 1 จนกระทั่งคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
6. ฉกฉวยโอกาส….ได้อีกครั้ง
ดาร์วิน นูนเญซ เบิกประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่ ซาลาห์ จะจบงานด้วยการซัดประตูช่วงท้ายเกม ส่งให้ทีมเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 แต่ที่มันน่ายินดียิ่งกว่านั้นก็คือผลการแข่งขันของคู่แข่ง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้น่าผิดหวังเมื่อพ่ายแพ้ให้กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ขณะที่ อาร์เซน่อล ทำได้เพียงแค่เสมอกับ เชลซี เท่านั้น และแน่นอนว่ามันส่งผลดีกับ “หงส์แดง” อย่างยิ่ง
ลิเวอร์พูล ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่คู่แข่งสะดุดให้หลุดลอยไป และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาก้าวไปสุดท้าย
7. ปราบแชมป์เก่าอยู่หมัด
โปรแกรมที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล นั่นก็คือการต้องปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และผลงานของพวกเขาโดดเด่นมากๆ เมื่อสามารถปราบแชมป์เก่า 4 สมัยติดต่อกันได้อย่างยอดเยี่ยม
เกมแรกที่ แอนฟิลด์ พวกเขาโชว์ฟอร์มได้เหนือกว่าคู่แข่งหมายเลข 1 อย่างมาก แต่ต้องขอบคุณสองประตูจาก คักโป และ “คิงโม” ขณะที่เกมสองที่เอติฮัด สเตเดี้ยม “หงส์แดง” ยังเล่นได้โดดเด่นจากผลงานของ ซาลาห์ และ โดมินิค โซโบซไล
สำหรับชัยชนะทั้งสองเกมมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะ “หงส์แดง” อย่างมาก เพราะการปราบทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้มันทำให้โอกาสในการคว้าแชมป์ลีกสูงยิ่งขึ้น
8. พลิกสถานการณ์แม้เหลือ 10 คน
นี่เป็นหนึ่งในวันที่ต้องบอกว่าไม่มีอะไรเข้าทาง ลิเวอร์พูล เลย เพราะพวกเขาทำผิดพลาดไปหมดทุกอย่าง แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือการที่ทีมสามารถคว้าแต้มสำคัญได้สำเร็จ
เริ่มแรก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดนไล่ออกจากการทำฟาวล์ใส่ อันเดรียส เปเรยร่า นั่นทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ต้องเล่นแค่ 10 คนนานกว่า 73 นาที แต่ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมแพ้ และสู้อย่างเต็มที่แม้ตัวผู้เล่นน้อยกว่า
ฟูแล่ม มีโอกาสนำสองครั้งสองครา แต่พวกเขาก็สามารถไล่ตีเสมอได้ โดยเฉพาะลูกยิงของ ดีโอโก้ โชต้า ในนาทีที่ 86 ซึ่งนั่นถือเป็นการคว้าหนึ่งแต้มที่มีค่าอย่างมากจริงๆ
สำหรับเกมนี้เป็นผลงานที่เน้นย้ำให้เห็นถึงความสามารถของ อาร์เน่อ ในการปรับแก้แท็กติคอย่างมีชั้นเชิง และสามารถนำทีมฟันฝ่าอุปสรรคได้โดยที่ไม่มีอาการสะดุด
9. สองประตูท้ายเกมของ นูนเญซ ที่เบรนท์ฟอร์ด
ในช่วงเวลาที่เกมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเจาะแนวรับของ เบรนท์ฟอร์ด ได้ และนั่นทำให้ อาร์เน่อ จำเป็นต้องส่งผู้เล่นพิเศษเพราะทีมต้องการประตูอย่างมาก
“หงส์แดง” มีโอกาสยิงใส่ เบรนท์ฟอร์ด มากถึง 37 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม การที่ นูนเญซ ลงสนามมันช่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะมันนำมาซึ่งสองประตูที่แสนมีค่าสำหรับ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
ต้องยอมรับว่าแมตช์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเกมที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่าต้องขอบคุณความเฉียบคมของ สตาร์ทีมชาติอุรุกวัย
10. กัปตันฟาน ไดค์ ทำประตูชัยเกมพบ เวสต์แฮม
เกมนี้ ลิเวอร์พูล เล่นได้ดีเยี่ยมในช่วงแรกๆ และได้ประตูขึ้นนำไปก่อน แต่แล้วพวกเขาก็แผ่วดื้อ และโดน เวสต์แฮม บดขยี้อย่างหนัก จนออกอาการเป๋ไปเป๋มา และจวนเจียนเสียประตู
จนกระทั่งช่วงท้ายเกม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โรเบิร์ตสัน ไม่เข้าใจกัน ทำให้บอลไปโดน “ร็อบโบ้” เข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้ เวสต์แฮม ตีเสมอ 1-1 และดูเหมือนสกอร์น่าจะจบแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ฟาน ไดค์ สามารถแก้ตัวได้เมื่อจัดการโหม่งประตูชัยในช่วงนาทีสุดท้ายส่งผลให้ทีมคว้าสามคะแนนสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถปิดจ็อบได้อย่างยอดเยี่ยม
TOMMY T.
,