เมื่อย้อนดูเส้นทางของ 2 ดาวรุ่งจาก “ลา มาเซีย” เปรียบเทียบกันแบบตัวต่อตัว จะเห็นได้ว่าทั้ง ยามาล และ ฟาติ ต่างก็แจ้งเกิดในวัยที่ใกล้เคียงกัน และมีพรสวรรค์ที่เกินวัยจนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า อย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนคือ “จังหวะชีวิต” และ “การจัดการเส้นทางอาชีพ”
เทียบผลงาน ยามาล vs เมสซี่ vs โรนัลโด้ ตอนอายุ 17 : เด็กเทพบาร์ซ่าร้อนแรงแซงรุ่นพี่
ริโอ ชี้ เปดรี้ ควรยอมเจ็บบล็อกลูกยิง ดุมฟรีส์ เกมบาร์ซ่าเจ๊างู 3-3
ยามาล แซง เอ็มบัปเป้! ดาวรุ่งบาร์ซ่าทุบสถิติยิงเด็กสุด UCL รอบรองฯ
– อันซู ฟาติ: ดาวรุ่งที่ถูกเร่งเกินไป และจบลงด้วยอาการบาดเจ็บ
ฟาติ เปิดตัวในทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 16 ปี และกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญทันที ด้วยสถิติ 41 นัด 13 ประตู 4 แอสซิสต์ ก่อนอายุ 18 ปี แต่ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายน 2020 ซึ่งนำไปสู่การพักรักษาตัวนานถึง 9 เดือน
หลังกลับมา แม้จะมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่และถูกปล่อยยืมไปเก็บประสบการณ์กับไบรท์ตัน แต่ฟอร์มของเขากลับไม่เคยกลับมาอยู่ในระดับเดิม และในฤดูกาลล่าสุดกับบาร์ซ่า ฟาติลงสนามเพียง 10 นัด และไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงกลับมาได้อีก
– ลามีน ยามาล: ดาวรุ่งที่เติบโตภายใต้จังหวะที่ใช่
ตรงกันข้าม ยามาล ดูเหมือนจะได้เรียนรู้จากกรณีของฟาติอย่างชัดเจน โค้ชและทีมงานของบาร์ซ่ามีความระมัดระวังมากกว่าในการใช้งานเจ้าหนูวัย 17 ปีคนนี้ แม้จะปล่อยให้ลงเล่นต่อเนื่อง แต่มีการจัดการเวลาและจังหวะอย่างเหมาะสม ไม่เร่งไม่ผลักให้เขาเป็น “ความหวังหนึ่งเดียว” จนเกินไป
ยามาลไม่ได้เพียงแค่มีพรสวรรค์ แต่ยังเล่นด้วยความมั่นใจและมีระบบสนับสนุนที่รัดกุมมากกว่าในยุคของฟาติ
– บทเรียนของบาร์เซโลน่า: ดาวรุ่งต้องการมากกว่าพรสวรรค์
เคสของ อันซู ฟาติ สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีพรสวรรค์แค่ไหน หากไม่มีการดูแลและจัดการเส้นทางอย่างรอบคอบ ก็อาจสูญเสียอนาคตไปได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะกับนักเตะวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่พร้อมรับมือกับความถี่ของเกมระดับสูง
บาร์เซโลน่า อาจยังเจ็บจากการที่ฟาติไม่สามารถเติบโตเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างที่หวัง แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็กำลังใช้บทเรียนนี้ในการปั้น ลามีน ยามาล ให้เดินบนเส้นทางที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าเดิม
,